การเสริมกำลังใจ

เทคนิคการเสริมกำลังใจ

ความหมาย
             เทคนิคการเสริมกำลังใจ  หมายถึง กลวิธีในการใช้วิธีการที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ความกล้าแสดงออก ในการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน โดยอาจเป็นการให้รางวัลหรือคำชมเชยหลังจากที่บุคคลประพฤติปฏิบัติหรือมีพฤติกรรมตามที่เราต้องการ การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีถ้าบุคคลมีความรู้สึกประสบความสำเร็จ เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ ดังนั้นในการสอนผู้สอนควรพยายามสร้างความรู้สึกประสบความสำเร็จให้เกิดขึ้นในตัวของผู้เรียน ถ้าผู้เรียนแสดงพฤติกรรมที่พึงปรารถนา ผู้สอนก็ควรที่จะทำการเสริมกำลังใจให้แก่ผู้เรียนได้ทราบโดยทันที ทุกครั้ง ซึ่งตามหลักจิตวิทยาแล้วการกระทำเช่นนี้จะมีผลทำให้เกิดพฤติกรรมที่พึงปรารถนาซ้ำ ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลายเป็นนิสัย วิธีการที่ผู้สอนจะนำมาใช้มีหลายวิธีด้วยกัน เช่น การที่ผู้สอนแสดงท่าทางยอมรับ การกล่าวคำชมเชยโดยตรง การยิ้ม แสดงสีหน้าพอใจ การพยักหน้า ให้ผู้เรียนเห็นความก้าวหน้าของตนเอง การให้รางวัล การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นและการช่วยเสริมในสิ่งที่ผู้เรียนกระทำอยู่ให้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น ผู้สอนควรจะนำการเสริมกำลังใจหรือการเสริมแรงมาใช้อย่างเหมาะสมในการเรียนการสอน โดยพิจารณาเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และวัยของผู้เรียน รวมทั้งพยายามหลีกเลี่ยงการให้กำลังใจที่เป็นสิ่งของเพราะจะทำให้เกิดความเคยชินกับการรับของรางวัลถ้าไม่ได้เมื่อไรอาจทำให้ไม่ยอมกระทำพฤติกรรมเช่นนั้น การทดลองของนักจิตวิทยา บี เอฟ สกินเนอร์ (B.F.Skinner)  เกี่ยวกับเรื่องของการเสริมกำลังใจ สรุปเป็นสาระได้ดังนี้
                1. การเสริมกำลังใจคือการให้สิ่งเร้า (รางวัล คำชมเชย ฯลฯ)  แก่ผู้เรียน หลังจากที่เขาทำพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเสร็จแล้ว จะทำให้เขาอยากจะทำพฤติกรรมนั้นซ้ำอีก
                2. การเสริมกำลังใจทำให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างรวดเร็ว
                3. ถ้าพฤติกรรมอะไรก็ตามถ้าแสดงไปแล้วไม่ได้รับการเสริมกำลังใจ พฤติกรรมนั้นจะมีแนวโน้มที่จะไม่เกิดขึ้นอีก
                4. การให้การเสริมกำลังใจทุกครั้งที่มีการแสดงพฤติกรรมจะทำให้ผู้เรียนทราบว่าการกระทำหรือพฤติกรรมอันไหนที่ทำให้ได้รับรางวัล (การเสริมกำลังใจ)  ได้ดีกว่าการเสริมกำลังใจเป็นบางครั้งบางคราว
                5. การลงโทษจะทำให้ผู้เรียนจำได้ว่าพฤติกรรมอย่างไหนที่ไม่ควรทำ ไม่สามารถขจัด พฤติกรรมได้โดยตรง


หลักในการเสริมกำลังใจ
                1.  ควรเสริมกำลังใจทันทีหลังจากผู้เรียนกระทำพฤติกรรมที่พึงปรารถนา เช่น ดีมาก ดี เก่ง ถูกต้อง ยิ้ม พยักหน้า หรือแสดงความเอาใจใส่ขณะที่นักเรียนพูด ฯลฯ
                2.  ควรเสริมกำลังใจในจังหวะที่เหมาะสมและมีความเป็นธรรมชาติ
                3.  ควรใช้วิธีเสริมกำลังใจหลาย ๆ วิธี เช่น ใช้ภาษาและท่าทางเพื่อแสดงการยอมรับการตอบสนองหรือพฤติกรรมของผู้เรียน
                4.  การเสริมกำลังใจจะต้องไม่พูดจนเกินความจริง
                5.  ควรเสริมกำลังใจให้ทั่วถึงกับผู้เรียนทุกคน
                6.  ควรเสริมกำลังใจในทางบวกมากกว่าในทางลบ
                7.  ควรเสริมกำลังใจด้วยท่าทางที่จริงใจ
                8.  ไม่ควรใช้การเสริมกำลังใจแบบใดแบบหนึ่งซ้ำ ๆ จนมากเกินไป เพราะจะทำให้เบื่อง่ายและไม่ให้ผลทางจิตวิทยา
                9.  การเสริมกำลังใจควรพิจารณาให้เหมาะสมกับวัย การเสริมกำลังใจบางชนิดอาจเหมาะกับผู้เรียนบางระดับเท่านั้น


วิธีเสริมกำลังใจ
              

1.  มีการเสริมกำลังใจด้วยวาจา
                       1.1 มีการชมเชยด้วยการใช้คำพูดต่าง ๆ
                       1.2 การกล่าวชมคำตอบที่ใกล้เคียงคำตอบที่ถูกหรือยกบางส่วนของคำตอบมากล่าวชม
                       1.3 การนำคำตอบที่ถูกต้องของผู้เรียนไปสัมพันธ์กับคำถามหรือคำตอบใหม่
                2. มีการเสริมกำลังใจด้วยท่าทาง
                       2.1 แสดงอาการยอมรับผู้เรียนที่ตอบถูกโดยใช้กริยาท่าทางที่แสดงความพอใจเช่น ยิ้ม พยักหน้า  ฯลฯ
                       2.2 แสดงอาการให้กำลังใจแก่ผู้เรียนที่ตอบผิด
                3. มีการสร้างการยอมรับให้เกิดขึ้นในหมู่เพื่อนของผู้เรียนโดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเสริมกำลังใจ เช่น ให้ปรบมือให้เพื่อน ให้ช่วยกันให้คะแนน ฯลฯ
                4. มีหลักเกณฑ์ในการเสริมกำลังใจ เช่น ใช้วิธีการได้เหมาะสมกับสถานการณ์ ไม่บ่อยจนเกินไป เป็นต้น
                5. มีการเสริมกำลังใจอย่างทั่วถึง






อ้างอิง

เข้าถึงได้จาก http://pisadd.212cafe.com/archive(วันที่ค้นข้อมูล : 25 สิงหาคม 2554).
อัญชลี  แจ่มเริญ และคณะ.  หลักการสอนและการเตรียมประสบการณ์ภาคปฏิบัติพิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯเฉลิมชัยการพิมพ์, 2526.